Google
 

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เชลซีแชมป์!แมลสาบแฮทริ คยิงไส้แตก 8-0


เชลซีโหดตั้งแต่ ต้นจนจบหลังเปิดบ้านไล่ถล่มวีแกน 10 ตัวแบบไม่ต้องให้กองแช่งได้ลืมตา อ้าปาก 8-0 โดยดิดิเยร์ ดร็อกบาทำแฮทริคคว้าดาวซัลโวฉลองร่วมกับแชมป์ พรีเมียร์ลีกที่ยิงรวมเกิน 100 ลูกสุขกันหลายเด้ง

พรี เมียร์ ลีกนัดปิดฤดูกาล

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2553


เชล ซี 8-0 วีแกน

ประตู : 1-0 อเนลก้า น.6,2-0 แลมพาร์ด น.32(จุดโทษ),3-0 แลมพาร์ด น.32,4-0 กาลู น.54,5-0 ดร็อกบา น.63,ดร็อกบา น.68(จุดโทษ),3-0 ดร็อกบา น.80,8-0 อ.โคล


ครึ่งแรก

เชลซีนำ เร็ว 1-0
เล่นมาแค่ 6 นาทีเชลซีได้ประตูขึ้นนำอย่างรวด เร็วจากจังหวะยิงฟรีคิกไกล 25 หลาของดร็อกบาพุ่งชนกำแพงบอลโด่งล้นมา เข้าทางเป็นแลมพาร์ดโขกย้อนเข้าเขตโทษ ให้มาลูด้าที่ยืนไลน์เดียวกับก องหลังตัวสุดท้ายพิงแล้วพักอกให้อเนลก้าจิ้ม ยิงจ่อๆเข้าไป 1-0

เดอะ ลาติกส์วิ่งสู้
วีแกนเองก็ไม่ได้งอมืองอเท้าจะมาเล่นแก้บนให้เชลซีเหยียบหัวเป็นแชมป์ ง่ายๆ และเปิดเกมรุกสู้จนทำให้แบ็คโฟว์ของเจ้าถิ่นร้อนรนไปหลายจังหวะ แต่โดยรวม แล้วยังเข้าทำได้ไม่จะแจ้งเท่าไหร่นัก

เชลซีเล่น เน้นผล
โอกาสของทั้งสองทีมอยู่ดีๆก็หายไปเลยเพราะเชลซีเล่นแบบเน้นผลไม่ ผลีผลาม เพราะได้ลูกขึ้นนำเร็วไปก่อนแล้ว งานนี้แฟนๆอาจต้องอดทนกันนิดเพราะ นักเตะเองก็มีอาการเกร็งในบางจังหวะ

แมลงสาบเปิด เหน่งๆติดหัว
นาที 26 ดร็อกบาหลุดล้ำหน้าหลุดขึ้นมาทางปีกซ้ายก่อนกระชากหนีบอยซ์ จนถึงเส้นหลังใน เขตโทษแล้วตบบอลย้อยจะให้มาลูด้ากับอเนลก้าแต่คัลด์ เวลล์ยืนดักทางโขกทิ้ง ก่อนไม่งั้นงานเข้าแน่

จบแล้ว!วี แกน 10 ตัวโดน 2-0
แต่แล้วอีก 5 นาทีต่อมาแลมพาร์ดกระชากเข้าเขตโทษหนีคัลด์เวลล์ตัวสุดท้ายที่ ดึงรั้งกันจะ แจ้งหัวคมำผู้ตัดสินชูใบแดงไล่ออกทันทีและเป็นมิด ฟิลด์หน้าใสลุกขึ้นมายิง ผ่านมือพูลิตต์ที่พุ่งถูกทางแต่ไม่ทัน 2-0 แล้ว!! แต่ดร็อกบาก็มีงอนที่ขอยิงจุดโทษลุ้นดาวซัลโวแต่แลมพ์บอก ไม่ให้

ช่วงเวลาที่เหลือวีแกนเล่นประคองตัวจนหมดครึ่งแรกตามหลัง 2-0 แถมตัวผู้เล่นน้อยกว่าอีกด้วย

ครึ่งหลัง

แลมพ์+กาลู ทำชิ่งหอไอเฟ่ล 3-0
วีแกนพยายามบู๊สู้แต่เล่นมา 8 นาทีเจอลูก 3 และต้องบอกว่าเป็นเซ้นส์ของนักเตะ แค่ 2 คนจากจังหวะที่แลมพาร์ดฝากบอลให้กาลูจังก้ากับตัวประกบตรง หน้าเขตโทษแล้วมิด ฟิลด์หน้าใสวิ่งตีโค้งอ้อมทำทางให้ไปตรงด้านริมกรอบ โทษจนกาลูแตะให้และเป็น แลมพ์ที่วิ่งมาตบบอลเลียดย้อนให้กาลูแตะแล้ว จิ้มเผาขนเข้าไปอย่างงดงาม เป็นทีมเวิร์คที่สุดยอดเอามากๆ

ไหลโจ๊ก 4-0
วีแกนโดนเข้าไปลูกนี้ถึงกับไหลเพราะอีก 3 นาทีต่อมาหรือในนาที 57 มาได้ลูก 4 จากจังหวะทุ่มเป็นแลมพ์วิ่งมาแล้ว ปล่อยหลอกให้อิวาโนวิชเล่นต่อก่อนเปิดย้อย ข้ามไปเสาสองให้อเนลก้าวางเท้าวอลเลย์ตามน้ำกดลงพื้นกระเด้งผ่าน มือพูลิตต์ เสียบหน้าต่างไกลเข้าไปสวยแสด

เพื่อน ปั้น ดร็อกแต่ยิงเฉี่ยว
ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงโจ โคลตัวสำรองได้บอลตอนสวนกลับแล้วมีดร็อกบาคนเดียววิ่งทำทางสอด เข้าเขตโทษเลย ไหลให้ก่อนที่หอกแมลงสาบจะเบียดกับโกฮูรี่ก่อนพลิกยิง หักข้อบอลพุ่งผ่านเสา ไกลแบบน่าเข้าเหลือหลาย ตอนนี้เพื่อนช่วยกันปั้นดร็อกให้เป็นดาวซัลโวให้ได้

ดร็อกมา แล้ว 5-0 เชลซีกดเม็ด 100
แต่แล้วดร็อกบามาทำประตูให้ตัวเอง จนได้ในนาที 63 จากลูกที่แอชลีย์ โคลเปิดบอลย้อยเข้าเขตโทษให้ดร็อกบา ตีลังกายิงสุดสวยแต่พูลิตต์ล้มเซฟบนเส้น เหลือเชื่อแล้วบอลยังไม่ตาย แลมพ์มาเก็บตกตรงเส้นหลังก่อนงัดข้ามไปเสาสองให้ ดร็อกบาเพื่อนรักโถมมาโขกเต็มๆเข้าไป 5-0 เป็นลูกที่ 100 ของเชลซีในฤดูกาลนี้อีกด้วย!!

ดร็อก ยิงจุด โทษ 6-0
นาที 68 แอชลีย์ โคลถูกทำฟาว์ลในเขตโทษผู้ตัดสินชี้แบบไม่ลังเลและครวานี้แลมพ์บอก ให้ดร็อกบา ยิงก่อนซัดหลอกพูลิตต์บอลชนเสากระเด้งเข้าไปมันตีน 6-0 และเป็นลูกที่ 28 ของหอกไอเวอรี่โคสต์อีกด้วย

แมงสาบ แฮทริ ค 7-0 !!
นาที 80 ดร็อกบาอารมณ์ดีเฮฮาสุดๆหลังก ดแฮทริคหลังซ้ำจ่อๆลูกที่โจ โคลสไลด์ยิงจังหวะแรกติดเซฟพูลิตต์ ดาวซัลโวแน่นอนแล้วเพราะเวย์น รูนีย์ถูกเปลี่ยนตัวออกอีกสนามนึง

โคลคล้ำยิงปิดท้าย 8-0
ทดเจ็บนาทีแรกเชลซียังโหดไม่เลิกหลังโจ โคลไปนัวเนียแย่งบอลในกรอบเขตโทษแถวๆเส้นหลังแบบเอาเป็นเอาตาย และน่าจะฟาว์ ลด้วยแต่ผู้ตัดสินให้เล่นต่อแล้วเป็นโคลหล่องัดบอลข้ามไป เสาสองให้แอชลีย์ โคลวิ่งมายิงด้วยอีซ้ายตามน้ำบอลเบียดเสาตุงตาข่ายไป สุดหยดหย้อย 8-0

หมดเวลาเชลซีต้อนมันตีน 8-0 คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 4 สมใจอยากและคาร์โล่ อันเชล็อตติกลายเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่นำทีมคว้าแชมป์ ลีกสูงสุด

รายชื่อนัก เตะทั้งสองทีม

เชลซี :
ปีเตอร์ เช็ก,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช(เบลเลตติ น.59),อเล็กซ์,จอห์น เทอร์รี่,แอชลีย์ โคล,แฟร็งค์ แลมพาร์ด,มิชาเอล บัลลัค(มาติช น.70),ฟลอร็องต์ มาลูด้า,ซาโลมง กาลู (จ.โคล น.58),ดิดิเยร์ ดร็อกบา ,นิโกลาส์ อเนลก้า

วีแกน : ไมเคิ่ล พูลิตต์,มาริโอ เมลช็อต,สตีฟ โกฮูรี่ ,แกรี่ คัลด์เวลล์ ,เมย์นอร์ ฟิกูเอรัว,เอเมอร์สัน บอยซ์,เจมส์ แม็คคาร์ธีย์,เบน วัตสัน(โธมัส น.61),โมฮาเหม็ด ดิยาเม่(ชาร์เนอร์ น.72),ชาร์ลส เอ็นซอกเบียร์ ,ฮูโก้ โรดาเญก้า







ไม่มีความคิดเห็น: