Google
 

วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

ไร้หมู กระสุนด้าน! ผีหงิกบุกเจ๊ากุหลาบ 0-0

ไร้หมูกระสุนด้าน!ผีหงิกบุกเจ๊ากุ หลาบ 0-0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังบุกมาทำได้แค่เสมอกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-0 เก็บเพียง 1 คะแนน พลาดการแซงขึ้นมาเป็นจ่าฝูงเหนือเชล ซี แถมยังเตะมากกว่าอีกหนึ่งนัด เหลือการแข่งขันให้ลุ้นอีกเพียง 4 เกมส์เท่านั้น

พรี เมียร์ ลีก

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2553


แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ประตู :

ครึ่งแรก
แซมบ้า ได้โหม่งน้าซาร์ยังไว
นาทีที่ 8 แบล็คเบิร์นได้ลุ้นทำประตูจากจังหวะที่วิ้นซ์ เกรลล่าแข้งทีมชาติออสเตรเลีย บรรจงหยอดบอลไปในกรอบเขตโทษเข้าหัวของ คริสโตเฟอร์ แซมบ้าที่เติมเกมส์ขึ้นมาสูงได้โหม่งแต่ฟาน เดอ ซาร์ผวามารับไว้ได้ทัน

วิดิชขึ้นโหม่งยังติด
ผ่านมาถึงนาทีที่ 16 แมนฯ ยูไนเต็ดได้ลุ้นบ้าง ไรอัน กิ๊กส์ครอสลูกเตะมุมมา ในกรอบเขตโทษ และเป็นเนมันย่า วิดิชที่ทะยานขึ้นโหม่ง แต่บอลไปติดกองหลังของแบล็คเบิร์นเคลียร์ทิ้งออกมาได้

รถด่วนได้ซัดโรบิน สันปัดได้
นาทีที่ 25 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดประสานงานกันยอดเยี่ยม บอลเริ่มจากเบอร์บาตอฟ แทงออกทางขวาให้กับมาเคด้า ก่อนที่มาเคด้าจะจ่ายให้กับวาเลนเซียที่วิ่งเติมเข้ามาในกรอบเขต โทษรับบอลและอัดด้วยเท้าขวาเต็มแรง บอลพุ่งไปทางเสาแรกแต่โรบินสันยืน ถูกตำแหน่งปัดออกไปได้

นานี่ ปั่นหลุดเสา
ผ่านมา 33 นาทีแมนฯ ยูไนเต็ดที่ครองบอลและทำเกมส์รุกได้มากกว่ามาได้ลุ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นนานี่ที่วิ่งปั้มบอลแย่งมาจากซัลกาโด้ ก่อนลากจี้เข้าเขตโทษและปั่นไซด์โป้งด้วยเท้าขวาบอลพุ่งน่ากลัว แต่หลุดเสาออกไป

เบิร์บ โดนเหนี่ยวกรรมการยังนิ่ง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดน่าจะได้จุดโทษในนาทีที่ 35 หลังดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟรับบอลจากนานี่ และกำลังจะได้ยิงแต่ไรอัน เนลเซ่นที่พึ่งลงสนามมาแทนแซมบ้าใช้มือหนึ่งข้างเหนี่ยวเบอร์บาตอ ฟจนล้มลงในจังหวะที่กำลังจะยิง แต่กรรมการไม่ให้ฟาล์วแต่อย่างใด

ฟีแลนทำ ฮาบอกโอลสันพุ่ง
นาทีที่ 41 มาร์ติน โอลสันเลี้ยงบอลควบจากแดนตัวเอง ก่อนโดนหลุยส์ นานี่วิ่งตามมาหวังจะแย่งบอล วิ่งกันมาถึงบริเวณกลางสนามนานี่ใช้มือผลักโอลสันล้มลง กรรมการเป่าเป็นการทำฟาล์ว กล้องจับไปที่ไมค์ ฟีแลนส่งสัญญาณมือทำท่าบอกโอลสันพุ่ง ส่วนเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันที่นั่งอยู่ข้างๆส่ายหน้ายิกๆ ดูจากภาพช้าแล้วนานี่ผลักโอลสันทั้งสองมือ สมควรเป็นลูกฟาล์วจริงๆ

ช็อครถ ด่วนหลุดเดี่ยวยิงติดเฉย
นาทีที่ 43 แมนฯ ยูไรเต็ดพลาดโอกาสการขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย โดยอันโตนิโอ วาเลนเซียรับบอลทะลุช่องจากเบอร์บาตอฟไปดวลเดี่ยวกับโรบินสัน และแปด้วยขวาแต่บอลไปตรงตัวของโรบินสันล้มตัวสกัดไว้ได้ จังหวะนี้วาเลนเซียต้องโทษตัวเอง เพราะมุมมีให้เลือกยิงกว้างจริงๆ

ครึ่งหลัง
นานี่ปั่นฟรีคิก ข้ามคาน
ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแมนฯ ยูไนเต็ดได้ลุ้นประตูจากฟรีคิกระยะประมาณ 30 หลาเป็นหลุยส์ นานี่ที่ปั่นด้วยเท้าขวาไปบริเวณสามเหลี่ยมด้านซ้ายของ ประตู แต่บอลโด่งข้ามคานออกไป

แบล็คเบิร์นเพรสซิ่งไม่มีโอกาสทั้งคู่
เกมส์ผ่านมาถึงนาทีที่ 66 ทั้งสองทีมแทบจะไม่มีโอกาสทำประตูกันเลย โดยทางฝั่งเจ้าบ้านใช้เกมส์เพรสซิ่งเร็ว เข้าไล่บอลจากนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดจนทำให้แข้งผีแดงไปกันไม่เป็นเลยทีเดียว

เบิร์บยิงติดกอง หลัง-กิ๊บสันดาบสองออกหลัง
นาทีที่ 67 ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟได้บอลจากนานี่ ที่เปิดฟรีคิกครอสเข้ามา จากทางด้านขวา หัวหอกทีมชาติบัลแกเรียเอาบอลลงและวอลเล่ย์ด้วยซ้ายแต่ ติดกองหลังของแบล็คเบิร์น บอลเด้งออกไปนอกกรอบเขตโทษกิ๊บสันมิดฟิลด์ บ้ายิงง้างตีนวิ่งมาหวดทันทีแต่บอลหลุดเสาออกไปเยอะ

ผีชัก แย่ไม่มีโอกาส-เวลาเหลือน้อย
แมนฯ ยูไนเต้ดเริ่มเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สามารถหาจังหวะทำประตูแบบชัดเจนได้เลย แถมเวลาการแข่งขันเหลือเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งหากพวกเขาไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนจะยังคงอยู่ในอันดับ 2 แต่แข่งมากกว่าเชลซีไป 1 นัด ซึ่งการแข่งขันในฤดูกาลนี้เหลืออีก 4 เกมส์เท่านั้น

เบิร์บ ได้โอกาสยิงติดโรบินสัน
นาทีที่ 80 ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟทำให้แฟนบอลผิดหวัง โดยแกรี่ เนวิลล์ที่กระโดดโหม่งชงบอลมา ให้กับเขา บริเวณจุดโทษ แต่เบอร์บาตอฟยิงไม่ถนัดไปตรงตัวของโรบินสัน ล้มตัวเซฟไว้ได้

ผีเกือบ ช็อคเอ็นซองซี่ยิงแกรี่ช่วยชีวิต
นอกจากยิงประตู ขึ้นนำไม่ได้ แมนฯ ยูไนเต้ดยังเกือบเสียประตูขึ้นนำ โดยเอ็นซองซี่ได้รับบอลจากเพื่อนร่วมทีมในกรอบเขตโทษ ก่อนจะล้มตัวยิงด้วยขวาแต่แกรี่ เนวิลล์วิ่งมาบล็อกช่วยชีวิตผีแดงไว้ ทัน
ช่วงเวลาที่เหลือในเกมส์นี้ทีมเยือนพยายามทำเกมส์รุกเข้าใส่อย่าง หนัก แต่แบล็คเบิร์นก็ช่วยกันป้องกันได้อย่างยอดเยี่ยม จบเกมส์เปิดบ้านยันเสมอ 0-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส : พอล โรบินสัน, มิเชล ซัลกาโด้, คริสโตเฟอร์ แซมบ้า(ไรอัน เนลเซ่น น.33), ฟิล โจนส์, กาแอล ชิเว่, สตีเฟ่น เอ็นซองซี่, วินเซนโซ่ เกรลล่า, เบร็ต เอเมอร์ตัน(เดวิด ดันน์ น.46), มอร์เท่น แก้มสท์ พีเดอร์เซ่น, มาร์ติน โอลสัน(เอล ฮัดจิ ดิยุฟ น.70), นิโคล่า คาลินิช
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์, แกรี่ เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช, จอห์น โอเชีย(ปาทริซ เอฟร่า น.79), อันโตนิโอ วาเลนเซีย, พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์(ดาร์รอน กิ๊บสัน น.57), หลุยส์ นานี่, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, เฟเดริโก้ มาเคด้า(ปาร์ค จี-ซอง น.65)














ไม่มีความคิดเห็น: