Google
 

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

เรื่องของปิศาจปิศาจ



ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่จะฟาดแข้งนัดแรกกันในช่วงเดือนกุมภาฯ นี้ นอกจากศึกอภิมหาบิ๊กแมตท์ของสองปิศาจอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด กับเอซี มิลาน แล้ว การมาเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด อย่างเป็นทางการในฐานะนักเตะทีมคู่ แข่งเป็นครั้งแรกของ เดวิด เบ๊คแฮม เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่แฟนบอล ทั่วโลกให้การจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

ดาวเตะลูกนิ่งวัย 34 ปี ที่เพิ่งจะโดนล้วงลูกพิสูจน์ความเป็นชาย จากสื่อเพี้ยนๆ ของอิตาลีเมื่อไม่นานมานี้ เคยสร้างความสำเร็จให้ยูไนเต็ดมา อย่างมากมาย 12 ปีกับ 6 แชมป์ลีกสูงสุด อีกทั้งโทรฟี่ฟุตบอลถ้วยอีกนับไม่ ถ้วน รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้เล่นคีย์แมนชุดประวัติศาสตร์คว้าสามแชมป์ เมื่อปี 1999 เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่แฟนบอลเรด อาร์มี่ จะไม่มีวันลืมเขา นี่ยังไม่นับบทสัมภาษณ์เชิงบวก และการแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อยูไนเต็ด เสมอมา

รักกันขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่าพี่แกไม่ยอมรับข้อเสนอของทีมจากพรีเมีย ร์ ลีก เพราะไม่อยากต้องมาห้ำหั่นกับยูไนเต็ด ทีมรักกันเลยทีเดียว

เป็น ที่น่าผิดหวังเล็กๆ ของสื่อนะครับ นักเตะที่มีความจงรักภักดีกับต้นสังกัด เก่าขนาดนี้ เลยไม่มีประเด็นขายข่าวดุเด็ดเผ็ดมันเสียเท่าไหร่ กระแสมันเลยไม่ร้อนแรงเท่าคาร์ลอส เตเบซ ที่สถาปนาตนเองเป็นปฏิปักษ์กับยู ไนเต็ด เต็มรูปแบบเป็นที่เรียบร้อย เห็นแล้วก็น่าจับมาตีก้นเสียจริงๆ ฮา

หันมาโฟกัสในประเด็นของทีมกันบ้าง เอซี มิลาน ของกุนซือหนุ่ม เลโอนาโด้ แม้ชื่อชั้นของเขาไม่อาจเทียบเซอร์ อเล็กซ์ ในเรื่องชั่วโมงการคุมทีม แต่เขาเองก็มีขุมกำลังที่จะสร้างความอันตราย ให้กับแนวรับของแมนฯ ยูไนเต็ด ได้หลายคน โดยการกลับมาสู่ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งของคนบ้านเดียวกัน อย่างโรนัลดินโญ่ เป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญ

ส่วนทางฝั่งยอดทีมจากแมนเชสเตอร์นั้น พร้อมรบโดยเจ้าหมูดาวซัลโว เวย์น รูนีย์ รวมถึงผู้เล่นประสบการณ์สูงที่จำเป็นสำหรับเกมสำคัญอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ อีกทั้งการทยอยกลับมาลงสนามของผู้เล่นแนวรับอย่างริ โอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งแน่นอนจะทำให้ระดับของแมตท์เพิ่มดีกรีดุเดือด เลือดพล่านมากขึ้น

กับฟุตบอลน๊อคเอาท์ 2 นัด ที่อนุมานได้ว่าทีมที่จะต้องผ่านเข้ารอบ ได้นั้น ไม่ใช่ทีมที่พกมาแต่ดวงเต็มกระเป๋า ถ้าไม่ห้ำหั่นกันสุดฝีมือมีหวังน้ำตาตกแน่ๆ โดยเฉพาะทางฝั่งปิศาจแดง เพราะเมื่อเจอกับยอดทีมจากเมืองมิลาน ทีไร ต้องกลายเป็นบอลแพ้ทางทุกทีไป เปรียบเสมือนงูเจอเชือกกล้วยยังไงยัง งั้น

ในขณะที่แฟนบอลหลายคนต่างหวาดเกรงกับความเฉียบคมของบอร์ริเอ ลโล่ สัญชาตญาณเพรชฆาตของปาโต้ หรือเวทย์มนต์ของโรนัลดินโญ่ จนอาจนึกหลอนๆ กันไปได้ว่าอาจจะมีนักเตะมิลาน ที่ถูกนำหน้านามว่าผี เหมือนคราวผีกาก้า ที่มาหลอกหลอนเมื่อครั้งซีซั่น 2006-2007 จนเป็นชื่อที่เรียกกันจนสนุกปาก ของบรรดาแฟนบอลทีมคู่แข่ง มาแผลงฤทธิ์กับแมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง

"ผี" เบ๊คแฮม ก็เป็นอีกคนที่ไม่ควรประมาทเชียวนะครับ เพราะด้วยความเป็นมืออาชีพของเบ๊คส์ เค้าย่อมต้องเล่นเต็มที่เพื่อให้ มิลาน เข้ารอบ ดั่งที่ได้ลั่นวาจาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และแม้แนวทางการเล่นของเบ๊คแฮมที่มิลาน อาจจะเน้นการต่อบอลสั้น และเคร่งครัดในแทคติกจนไม่ได้ออกอาวุธเด็ดๆ ในการผ่านบอลมากนัก แต่ใครจะไปรู้ บางทีอดีตโกลเด้น บอย เครื่องหน้าไร้ที่ติ ที่เราภาคภูมิใจคนนี้ อาจเป็นคนที่สร้างความแตกต่างในเกมนี้ก็ได้

หลายครั้งในสมัยเด็กที่ผู้เขียนต้องกลั้นหายใจคอยลุ้นทุกครั้งเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ฟรีคิก เพราะเหล่าแฟนผีรู้ดีกันว่า ฟรีคิกในระยะทำการของเดวิด เบ๊คแฮม นั้น แม่นราวกับการสังหารลูกจุดโทษ แต่ในครั้งนี้กับศึกปิศาจชนปิศาจ ความรู้สึกของผู้เขียนคงจะแตกต่างไป ในรายละเอียดเล็กน้อย เมื่อเขาต้องสวมเสื้อทีมคู่แข่ง

เกิด ฟรีคิกของเบ๊คแฮม พามิลานคว่ำทีมรักของเขาผ่านเข้ารอบไปล่ะก็

ตลก ร้ายเลยนะเนี่ย !!!

ไม่มีความคิดเห็น: